จัดงานสัมมนาให้ปัง เปิดโผ! 5 เทคโนโลยีอีเวนต์ตัว Top ที่พิสูจน์แล้วว่าเวิร์ก

ในยุคที่คนเข้าร่วมงานไม่ได้อยากเป็น “ผู้ชม” อีกต่อไป การจัดสัมมนาแบบเดิม ๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ดังนั้น ผู้จัดงาน หรือ ธุรกิจจะต้องหาวิธีเปลี่ยนความน่าเบื่อให้กลายเป็นประสบการณ์ที่่ผู้ร่วมงานอยากมีส่วนร่วมจนหยิบมือถือขึ้นมาแชร์เอง แล้วจะทำยังไงให้งานสัมมนาไม่นั่งฟังอย่างเดียว แต่กลายเป็นพื้นที่แห่งการ "มีส่วนร่วม" อย่างแท้จริง
ในบทความนี้ any i มีเครื่องมือในการจัดงาน หรือเทคโนโลยี Interactive ดี ๆ จะมาแนะนำกับ 5 เทคโนโลยีตัว Top ที่พิสูจน์แล้วว่าเวิร์ก มาฝากกัน
เทคโนโลยีอีเวนต์สำหรับการจัดงาน “สัมมนา” คืออะไร?
เทคโนโลยีอีเวนต์ หรือ Event Technology คือเครื่องมือหรือโซลูชันดิจิทัลที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดงาน ไม่ว่าจะเป็น การจัดการระบบภายในงาน การสื่อสารกับผู้เข้าร่วม หรือการยกระดับประสบการณ์ของผู้ร่วมงานให้เหนือกว่าการฟังบรรยายแบบเดิม ๆ โดยเฉพาะในงาน “สัมมนา” ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือการให้ความรู้ แชร์ประสบการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจ เทคโนโลยีอีเวนต์จึงกลายเป็น “ตัวช่วย” ที่ทำให้ทุกอย่างมีความน่าสนใจ และสามารถเข้าถึงผู้คนได้จำนวนมาก
โดยในปัจจุบัน เทคโนโลยีการจัดอีเวนต์ได้มีการพัฒนาไปไกลกว่าแค่ระบบลงทะเบียน หรือ Live Streaming เพราะเทคโนโลยีอย่าง AI, VR และ Interactive ต่าง ๆ ก็ได้เข้ามามีบทบาทในการจัดงานอีเวนต์ที่มากยิ่งขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถเปลี่ยนผู้ร่วมงานจาก “ผู้ชมที่ดี ” สู่ “ผู้มีส่วนร่วมกับงาน” (Passive to Active Engagement) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไม “เทคโนโลยีอีเวนต์” จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับงานสัมมนาในยุคนี้?

เพราะการจัดงานในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเชิญวิทยากรมาขึ้นเวทีเพื่อบรรยายแล้วจบลงเพียงเท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้าง Engagement เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมเกิดความรู้สึก “มีส่วนร่วม” ไม่ใช่แค่ “นั่งฟัง” อยู่เฉย ๆ ดังนั้น เมื่อผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาภายในงาน นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะช่วยจุดประกายความสนใจ สร้างการจดจำ น่าติดตาม และเติมชีวิตชีวาให้กับงานสัมมนา
ซึ่งเมื่อธุรกิจได้มีการนำ เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ในการจัดงานอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็น
- เทคโนโลยี AI ที่ช่วยสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล และโต้ตอบกับผู้เข้าร่วม
- สร้างประสบการณ์แปลกด้วยเทคโนโลยี VR ที่ดึงผู้เข้าร่วมเข้าสู่โลกเสมือน
- เทคโนโลยี Interactive รูปแบบต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานทุกคนได้มีบทบาท
สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalized Experience) ที่ทำให้แต่ละคนรู้สึกว่า "เขาคือส่วนหนึ่งของงานนี้" และทำให้งานไม่ใช่แค่ ‘งานหนึ่งวัน’ แต่กลายเป็น ‘ความประทับใจที่อยู่ในใจไปอีกนาน
เปิดโผ! 5 เทคโนโลยีตัว Top ที่ควรมีไว้ในงานสัมมนายุคใหม่ จาก any i
1. AI Fast Lane AIDA เทคโนโลยีตอบคำถามอัจฉริยะเหมาะกับงานสัมมนา
เทคโนโลยี AI ในอนาคต ที่สามารถ “สัมภาษณ์” ผู้เข้าร่วมได้อย่างชาญฉลาด โดยเทคโนโลยี AI ตัวนี้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนกระบวนการ “กรอกฟอร์ม” แบบเดิม ๆ ให้กลายเป็น “การสนทนา” ผ่านการกดปุ่มบันทึกเสียง เพื่อตอบคำถามของผู้ร่วมงาน
โดยระบบ AI Fast Lane AIDA สามารถตั้งคำถามเฉพาะทาง วิเคราะห์คำตอบ และสรุปข้อมูลออกมาได้อย่างรวดเร็ว และเรียนรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น การวิเคราะห์ความต้องการด้านสุขภาพ การประเมินภาวะการเงิน หรือแม้แต่สไตล์การเรียนรู้ของผู้เข้าร่วม เป็นต้น
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องการเก็บ Requirement ก่อนการเข้าร่วม เช่น งานด้านการวางแผนการเงิน, ประกัน หรือ การจัดอบรมภายในองค์กร โดยผู้จัดงานสามารถวางเทคโนโลยีดังกล่าวไว้ได้ ในจุดลงทะเบียน หรือ จุด Welcoming Zone เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ที่ทันสมัย และรู้สึกว่า “งานนี้ไม่เหมือนใคร” ตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้าร่วม
2. AI Mapping: Draw to Image สร้างภาพจากลายเส้น เติมความรู้สึกผ่านเทคโนโลยี
หนึ่งในเทคโนโลยี Interactive ที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินและสร้างคุณค่าทางจิตใจได้เป็นอย่างดี โดยผู้เข้าร่วมงานสามารถใช้แท็บเล็ต หรือ
จอ Interactive เพื่อวาดภาพ เขียนคำอวยพร หรือเซ็นชื่อ โดยที่ระบบ AI Interactive จะนำลายเส้นหรือข้อความเหล่านั้นไปสร้างเป็นภาพศิลปะในธีมของงานแบบเรียลไทม์
ซึ่งผู้จัดงานสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในโซนต้อนรับ, โซน Guestbook ดิจิทัล, หรือแม้กระทั่งใช้สร้างของที่ระลึกเฉพาะบุคคล เช่น Print ภาพที่ AI สร้างลงบนการ์ดหรือโปสเตอร์ เพิ่มมูลค่าทางใจ และช่วยให้ผู้เข้างานรู้สึกมีส่วนร่วมที่มากยิ่งขึ้น
3. AI Product Mapping ใส่ตัวตนลงบนสินค้า สร้างการมีส่วนร่วมแบบไม่ซ้ำใคร
เปลี่ยนความคิดเห็นหรือคำตอบของผู้เข้าร่วมเป็นงานศิลปะที่ฉายลงบนวัตถุจริงด้วย AI Product Mapping ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ “ใส่ตัวตนลงไปในผลิตภัณฑ์” ผ่านการตอบคำถามหรือแสดงแนวคิด จากนั้น AI จะนำข้อมูลที่ได้รับไปสร้าง Visual Art ที่สะท้อนตัวตนและไอเดียของผู้เล่น แล้วฉายลงบนวัตถุจริง เช่น รองเท้า, กล่อง, เสื้อผ้า หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของแบรนด์
ซึ่งเหมาะกับงานที่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือเน้นการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ เช่น งานสัมมนาเชิงกลยุทธ์, การอบรมทีมขาย, หรือเวิร์กช็อปที่ต้องการให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจเขาจริง ๆ
4. AI Wall Mapping เปลี่ยนฉากหลังธรรมดาให้กลายเป็นโลกที่ผู้ร่วมงานสร้างเอง
AI Wall Mapping เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างบรรยากาศงานให้น่าประทับใจไม่แพ้การเข้าชมโชว์แสงสีเสียงระดับโลก โดยผู้ร่วมงานสามารถเลือกธีม สี หรือความรู้สึกที่ต้องการ จากนั้น AI จะประมวลผลและฉายภาพ Projection Mapping ที่ตรงกับอารมณ์หรือคอนเซปต์นั้น
สามารถใช้ตกแต่งพื้นที่ให้ตรงกับหัวข้อสัมมนา เช่น จำลองเมืองแห่งอนาคตในงานแบบ Smart City, สร้างฉากธรรมชาติในงานเกี่ยวกับ Wellness หรือ ทำฉากถ่ายภาพแบบ Personalized เป็นต้น นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับเวที Keynote หรือโซนถ่ายภาพที่ทุกคนอยากแชร์ลงโซเชียล ที่ช่วยยกระดับงานให้ดูพรีเมียม
5. AI VR Experience พูดคุยกับ AI ในโลกเสมือน สัมผัสประสบการณ์ที่ "เข้าใจคุณ"

เทคโนโลยี VR ผสานกับ AI เพื่อสร้าง “บทสนทนาพูดคุยแบบโต้ตอบได้จริง” ในโลกเสมือน ผู้เข้าร่วมไม่ใช่แค่สวมแว่นเพื่อชม แต่สามารถพูดคุยกับ AI ได้ เช่น “ฉันชอบห้องสไตล์มินิมอล” แล้ว AI จะจำลองภาพห้องแบบ 3 มิติที่เหมาะกับความชอบนั้นขึ้นมาทันที
เหมาะสำหรับสัมมนาที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์, การออกแบบ, นวัตกรรม, หรือการฝึกอบรม Soft Skills ที่ต้องการให้ผู้เข้าร่วมได้คิด วิเคราะห์ และเห็นภาพจริงจากสิ่งที่ตนเองเลือก
การใช้เทคโนโลยีจัดงานสัมมนา ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ธุรกิจอย่างไร ?
ในโลกที่ทุกแบรนด์แข่งขันกันเพื่อสร้างความโดดเด่น "ภาพลักษณ์" จึงไม่ใช่แค่เรื่องของโลโก้หรือโฆษณาอีกต่อไป แต่รวมถึง “ประสบการณ์ที่แบรนด์มอบให้” โดยเฉพาะในงานสัมมนา ซึ่งถือเป็น Touchpoint สำคัญที่ผู้คนจะได้สัมผัสตัวตนขององค์กรอย่างใกล้ชิดที่สุด
ดังนั้น การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดงาน ไม่ว่าจะเป็น AI ที่ช่วยโต้ตอบอย่างชาญฉลาด, VR ที่สร้างโลกจำลองให้ผู้ร่วมงานได้มีส่วนร่วม, หรือแม้แต่ ระบบ Interactive ที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมสร้างผลงานของตัวเอง ล้วนสื่อสารถึงภาพลักษณ์ขององค์กรในแง่มุมที่ว่า
- เป็น องค์กรทันสมัย พร้อมปรับตัวตามเทคโนโลยี
- มีวิสัยทัศน์และแนวคิดแบบ Customer-Centric
- กล้าออกจากกรอบเดิม ๆ และคิดนอกกรอบ
- ให้ความสำคัญกับ ประสบการณ์ของผู้เข้าร่วม ไม่ใช่แค่เนื้อหาหรือวิทยากร
- สร้างภาพจำที่ "แตกต่าง" จากงานประชุมทั่วไป
เมื่อผู้เข้าร่วมรู้สึกประทับใจ สิ่งที่ตามมาคือการแชร์ต่อ ความไว้วางใจในแบรนด์ และโอกาสในการต่อยอดความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทางธุรกิจ การตลาด หรือการสร้างเครือข่าย กล่าวง่าย ๆ คือ การใช้เทคโนโลยีในการจัดงานไม่ใช่แค่เพื่อ “ความไฮเทค” แต่เป็น “กลยุทธ์ภาพลักษณ์” ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้อย่างทรงพลังและจับต้องได้จริง
สรุป
ในโลกที่ข้อมูลหลั่งไหลอย่างไม่หยุดยั้ง ความท้าทายของผู้จัดงานสัมมนาคือ “จะทำอย่างไรให้คนที่มาร่วมงานรู้สึกอยากฟัง อยากมีส่วนร่วม และจดจำสิ่งที่เกิดขึ้น” คำตอบนั้นคือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดงานจากเดิมที่เน้นการบรรยายทางเดียว มาสู่เวทีที่ผู้เข้าร่วมสามารถ “มีบทบาทร่วม” ได้อย่างแท้จริง ซึ่งการใช้เทคโนโลยีในการจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ ก็ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกประสบการณ์เหล่านั้นให้ดียิ่งขึ้น
โดยสำหรับเทคโนโลยีทั้ง 5 รูปแบบที่กล่าวถึงในบทความ ไม่ได้แค่เพิ่มลูกเล่นให้งานดูทันสมัยเท่านั้น แต่ยังช่วยขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจ ตั้งแต่การสร้างภาพลักษณ์ที่ล้ำหน้า การเก็บข้อมูลแบบลึกซึ้ง ไปจนถึงการสร้าง Engagement เชิงบวกกับผู้ร่วมงานในระดับบุคคล (Personalized Experience) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระยะยาวที่แบรนด์หรือองค์กรสามารถต่อยอดได้ในอนาคต
หากคุณกำลังมองหาเทคโนโลยีในการจัดงาน ที่ครบ จบ พร้อมใช้งาน อย่าพลาดที่จะเลือกใช้เครื่องมือดี ๆ จาก any i ที่พร้อมเป็นพาร์ตเนอร์ในการสร้างความสำเร็จในทุกงานของคุณ
สำหรับนักจัดอีเวนต์ Organizer หรือ ธุรกิจใดที่ต้องการนำเทคโนโลยีไปใช้ในงานสัมมนา หรือนำไปประยุกต์ใช้ทำเป็นเกมส์อีเว้นท์ให้สนุกสนาน สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาจาก any i ผ่านช่องทางแชตบนหน้าเว็บไซต์
ช่องทางการติดต่ออื่น ๆ
Email: contact@anyimedia.com
LINE Official: @anyi
เบอร์โทรศัพท์: 061-023-7370
ทาง any i ยินดีให้บริการทุกท่านเสมอ