ทำไม ‘Hybrid Event’ ถึงไม่ใช่แค่ทางรอด แต่เป็นทางรุ่ง

การจัดกิจกรรมแบบผสมผสานระหว่างออนไลน์ และออฟไลน์ เป็นการจัดอีเวนต์รูปแบบไฮบริด (Hybrid Event) ซึ่งจะเห็นได้ว่าหลังจากเกิดการระบาดของโรค Covid-19 ทำให้วิถีชีวิตของคนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหันมาใช้ชีวิตในแพลตฟอร์มออนไลน์ควบคู่กับออฟไลน์กันมากขึ้น เช่น การทำงานที่บริษัท สลับกับการประชุมออนไลน์อยู่ที่บ้านวันเว้นวัน เป็นต้น ในอนาคต ไฮบริดอีเวนต์มีแนวโน้มพัฒนาจากเทคโนโลยี รูปแบบกิจกรรมใหม่ ๆ การใช้เทคนิคที่หลากหลาย เพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาสนใจมากขึ้นในอนาคต วันนี้ any i ได้รวบรวมข้อมูลที่จะทำให้การจัดอีเวนต์ในรูปแบบไฮบริด ถึงไม่ใช่แค่ทางรอด แต่เป็นทางรุ่ง มาฝากทุกคนกัน

แนวโน้มของ Hybrid Event ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

1. การจัดกิจกรรมแบบไฮบริดอีเวนต์จะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น

โรคระบาด Covid 19 ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ที่พักอาศัย การติดต่อเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันผ่านช่องทางออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นที่มาของวิถีชีวิตแบบใหม่ เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันอย่างเต็มตัว เพราะสิ่งนี้การจัดอีเวนต์จึงมีการปรับรูปแบบของงานให้เข้ากับสังคมในปัจจุบัน โดยผสมผสาน 2 รูปแบบ ควบคู่กันไป คือ ทางออนไลน์ และทางออฟไลน์ ตอบโจทย์ผู้ที่มีข้อจำกัด ในเรื่องการเดินทาง หรือเรื่องเวลา โดย Hybrid Event ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ โดยการใช้นวัตกรรมจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริงดึงดูดผู้เข้าร่วม เช่น เทคโนโลยีเสมือนจริง VR (Virtual Reality) เป็นการจำลองโลกเสมือนแยกออกจากโลกแห่งความเป็นจริง หรือเทคโนโลยีความจริงเสริม AR (Augmented Reality) เป็นการนำวัตถุเสมือนมาใช้กับโลกแห่งความเป็นจริง เพิ่มความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าร่วม เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจไฮบริดอีเวนต์พัฒนาต่อไปในอนาคต

2. มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับชีวิตประจำวัน

การดำเนินชีวิตในสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อต้องทำตามมาตราการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ผู้คนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่พักอาศัย ทำให้สนใจกับการชอปปิงออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการศึกษาพฤติกรรมของคนไทย ปี 2564 ในการใช้ e-Payment เฉลี่ย 151 ครั้งต่อคนต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึง 208% สะท้อนให้เห็นว่าโควิด-19 เป็นตัวแปรสำคัญในการกระตุ้นการใช้งานช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่นเดียวกับธุรกิจไฮบริดอีเวนต์ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบใหม่ ปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมให้เข้ากับความสนใจ รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงของแต่ละคน Creative Thailand ได้วิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค ในปี 2022 ไว้ว่า ผู้คนในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป กลัวเรื่องการแพร่ระบาด และไม่อยากใช้เวลานอกบ้านมากเกินไปเพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ เป็นต้น Hybrid Event จึงทำให้ผู้ที่มีความกังวลด้านสุขภาพ การแพร่ระบาด สามารถเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์ในสถานที่ที่สะดวก บนอุปกรณ์ที่ต้องการได้ เช่น สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อป เป็นต้น

3. สามารถนำข้อมูลที่มีอยู่มาต่อยอด Hybrid Event ของคุณได้

การศึกษากลุ่มเป้าหมาย หรือผู้ใช้งานในการสร้างอีเวนต์ออนไลน์ สามารถทำได้โดยการสัมภาษณ์ ทำแบบสอบถาม หรือตั้งกระทู้ เป็นต้น ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดข้อมูลได้ตามความต้องการ เกิดความเข้าใจในกระบวนการทำงาน สามารถปรับลักษณะกิจกรรมในอนาคตได้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ได้อย่างน่าตื่นเต้น และดึงดูดให้คนเข้ามาสนใจเพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องรวบรวม เช่น เพศ ช่วงวัย กลุ่มอาชีพ ความสนใจ พฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ต และเทรนด์ที่กำลังมาแรงเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น ทั้งยังทำให้ทราบถึงข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างจัดงาน เพื่อนำมาปรับปรุง แก้ไข การจัดงานในอนาคต

ดังนั้นข้อมูลกิจกรรมใด ๆ จะต้องมีความครบถ้วน เนื้อหาตรงจุด ช่วยให้ผู้เข้าร่วมอินไปกับงาน โดยธุรกิจต้องมีการศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้งาน และเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยม เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดธุรกิจของคุณได้อย่างรวดเร็ว

4. ผู้เข้าร่วมมีส่วนร่วมกับกิจกรรมได้มากขึ้น

การจัด Hybrid Event ไม่ควรดำเนินกิจกรรมเพียงแค่อ่านสคริปต์ของงาน เพราะมักจะทำให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกเบื่อ ควรมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เปิดประเด็นพูดคุยกับผู้เข้าร่วม จะทำให้งานมีสีสัน และเข้าถึงง่ายมากขึ้น เช่น งานสัมมนาในรูปแบบ Webinars โดยผู้เข้าร่วมจะสามารถถาม-ตอบกับวิทยากรได้อย่างอิสระ หรือการจัดอีเวนต์คอนเสิร์ต อีเวนต์ออนไลน์ ผ่านการไลฟ์สตรีม (Live Stream) ยังสามารถสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เปิดรับ Reaction จากผู้ชมทางบ้านได้โดยการคอมเมนต์ อีกทั้งยังสามารถบันทึกภาพ และถ่ายทอดออกอากาศพร้อมกันแบบเรียลไทม์ไปพร้อมกันได้อีกด้วย

5. ตอบโจทย์การจัดงานขนาดเล็กด้วย Hybrid Event

หลาย ๆ ธุรกิจที่กำลังมองหาการจัดอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็น การเปิดตัวสินค้าใหม่ การจัดมินิคอนเสิร์ต ด้วยการพิจารณาเรื่องของการจัดงานหลายส่วน ทั้งการเช่าสถานที่จัดงานเพื่อให้สามารถรองรับผู้คน อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมกับงาน ทำให้บางครั้งอาจไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งไฮบริดอีเวนต์จะเข้ามาตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้ เป็นการลดต้นทุนเพราะการเช่าสถานที่จัดงาน อาจมีราคาแพงตามขนาดพื้นที่ โดย Hybrid Event จะเป็นการควบคู่กับจัดกิจกรรมออฟไลน์ เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมได้อย่างไม่จำกัด อีกทั้งยังกำหนดระยะเวลาในการจัดงานได้อย่างอิสระ เป็นทางเลือกให้กับผู้เข้าร่วมที่มีข้อจำกัดด้านการเดินทาง ได้เข้าร่วมกิจกรรมไปพร้อมกับอีเวนต์ออนไซต์ (On Site) และถึงแม้จะเป็นการจัดงานเล็ก ๆ ไฮบริดอีเวนต์ในส่วนออนไลน์ก็สามารถเพิ่มยอด Reach หรือการมองเห็นของสื่อในโซเชียลเพิ่มขึ้นได้จากคนไม่เคยเข้าร่วมหน้างานจริง เป็นการโปรโมตช่องทางไปในตัวอีกด้วย

สรุป

แม้ว่าในปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 จะดีขึ้นตามลำดับ ผู้คนหันกลับมาจัดงานในรูปแบบออนไซต์ (On-site) กันมากขึ้น ในขณะเดียวกันการจัดงานในรูปแบบออนไลน์ยังคงเป็นที่สนใจสำหรับคนจำนวนมาก ไฮบริดอีเวนต์จึงนำทั้งสองสิ่งนี้มาผสมผสานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดงาน ทั้งการนำข้อมูลที่มีอยู่มาต่อยอดกิจกรรม เพื่อเข้าถึงความต้องการของผู้เข้าร่วมที่อาจมีข้อจำกัดด้านการเดินทาง ด้านเวลา หรือด้านสุขภาพ รวมทั้งสามารถประหยัดต้นทุนในการจัดงานมากขึ้น Hybrid Event มีแนวโน้มได้รับความนิยม และอาจเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้น เป็นทางรุ่งสำหรับผู้จัดงานอีเวนต์เลยก็ว่าได้ ถือเป็นมิติใหม่ของการจัดงานแห่งโลกอนาคต

หากธุรกิจใดที่ต้องการเริ่มต้นการขยายธุรกิจด้วยเทคโนโลยี Virtual Tech หรือต้องการจัดทำอีเวนต์ในรูปแบบเสมือน (Virtual Event) สามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาจาก any i ผ่านช่องทางแชทบนหน้าเว็บไซต์

Email: khem@anyimedia.com 

ทาง any i ยินดีให้บริการทุกท่านเสมอ

ที่มา:

www.digitellinc.com

www.hardcoreceo.com

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)